รวยมากทุกข์มาก

                          

                           รวย กับ จน  2 คำนี้ฟังง่ายๆ เข้าใจตรงความหมาย เป้าหมายของคนทำงาน  ส่วนมากก็ทำงานเก็บเงิน มีเงินเยอะๆ แล้วซื้อของที่ต้องการ เช่น บ้าน รถ มือถือ และอื่นๆ  และยังมีรายละเอียดย่อยคือรุ่นใหม่เก่า เอาไว้แข่งกัน ว่า ของฉันใหม่กว่า แพงกว่า หายากกว่า สวยกว่า  สรุป คือ จบกันที่ วัตถุล้วนๆ ฉันมี ฉันเท่ ฉันสุดยอด  คนไหนไม่มี กระจอก แย่ ไม่มีความสามารถ  ว่ากันเข้าใจ จริงๆ แล้ว การปล่อยให้วัตถุเข้ามาครอบงำ หรือ ยึดติดกับ ทรัพย์สิน อำนาจ เงิน ทอง ทำให้เรามีทุกข์   ไม่พอเพียง ไม่ปล่อยว่าง  มือถือที่ตัวเองใช้ตกรุ่นก็ทุกข์  ยังใช้ ไอโฟน 4  คนอื่นใช้ ไอโฟนุ6 แล้ว  ทุกข์อีก  ต้องทำงานๆๆๆๆๆ  หาเงินมาซื้อรุ่นใหม่กว่า จะได้ทันสมัย ไม่ตกรุ่น  เอาเข้าไป คนเราเด๋วนี้  เอาวัตถุว่าเป็นหลัก

          

                         บล็อกนี้เป็นบล็อกของผม   ใครหลุดหรือหลงเข้ามาจะคอมเมนยังงัยไม่ว่าครับ   ผมตั้งใจไว้ว่า เบื่อสังคมเมือง เพิ่งพาเซเว่น  อยากไปอยู่บ้านนอก  ปลูกพืชริมรั้ว  ปลูกผักกินเอง  ไม่ต้องซื้อ   ทำเหมือนคนโบราณ  ไฟฟ้าก็ใช้ตามไฟบ้านปกติ  หรือไม่ก็ใช้โซล่าเซลเอา  น้ำปะปา ใช้ของหมู่บ้านหรือ ไม่ก็ขูดบ่อน้ำเลย  อยู่กัน 2 คนกับ คู่ชีวิตเรา ไม่เพิ่งพาเซเว่น และร้านค้า   ถามว่าต้องซื้อสิ กินข้าวงัย   ก็กินบ้างไม่กินบ้าง ไม่ซีเรียส  รถเก่าๆคันหนึ่ง พอไปไหนบ้าง  ไม่ต้องขยันหาหนี้มาปแปะหัว    ทีวี ปกติ ไม่ดูอยู่แล้ว  ไม่ต้องมี ตู้เย็นอาจจะมี  แล้วแต่  อะไรที่ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องซื้อ   เก็บผักรั่วบ้านทำอาหาร  ปลูกเอา ที่เหลือ ขายบ้าง  เสาร์อาทิตย์ ็ไปวัดไปวา บ้าง   หลบไอ้พวกวัตถุ ที่จะทำให้เราหลงไปกับมัน  ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง  ชอบแบบนั้นมากกว่า ที่จะตั้งหน้าตั้งตาทำงาน เอาวัตถุมาแข่งกัน   วัตถุ  อำนาจ  เงินทอง  ทำให้เราหลงอยู่ในวังวน  เหมือน หนูติดจั่น      มีเยอะทุกข์เยอะ   พอมีเยอะๆแล้ว ลงไม่เป็น  เหมือน ขับรถเบนซ์  แล้ว กลับมาใช้ มอไซต์ ไม่ได้ เสีย คลาส  พอไม่ได้ขับเบนซ์ แล้ว ทุกข์อีก   จริงๆแล้ว ไอที่ทุกข์ คือ เราเอง คิดเอง  เราแบกทุกข์เอง  หากทิ้งหัวโขน ได้ก็จะไม่ตกทุกข์ เข้าใจว่าทุกอย่างมีขึ้นและลงเสมอ ๆ  เหมือนกราฟหุ้น     บางคนดังอยู่ดีๆ   ช่วงแวปเดียว เพราะคำพูดในช่วงไร้สติตอนนั้น   ดิ่งลงเลย  ก็มี    ดังตัวอย่าง เรื่อง   กราบรถกู      ตอนมีอำนาจมีเงิน  มักจะคิดว่าเหนือกว่าคนอื่น   เก่งกว่าคนอื่น    ถ้าเก่งจริง ลองชนะ ความโลภ  ความโกรธ  ความหลง  ให้ดูก่อน

                          มายามี สองหน้า  มันดึงเราไปในทิศตรงข้าม   ดึงเราไปทางฝั่งความสุข  และเหวี่ยงเรากลับมาทางทุกข์ เหมือนลูกตุ้มเหล็ก   เราจะแกว่งไปทั้งซ้ายและขวา     ถ้าเรามีสติ และอยู่ตรงกลาง  เราจะไม่หวั่นไหวตาม  เราจะสงบ  เราจะนิ่ง      เราจะไม่หวั่นไหว   

หมาจรจัด ได้กินบ้าง ไม่ได้กินบ้าง

มีบางช่วงที่หลังเสร็จงาน ไปร้านอาหารข้างทาง ร้านบ้านๆ มีโตีะ ประมาณ 10 กว่าโต๊ะ  มีเวทีสำหรับนักดนตรี  เล่นเพลงให้ฟัง  บรรยากาศสบายๆ ข้างทาง บวกกับจิบเครื่องดื่มเย็นๆ ทำให้สบายใจขึ้นบ้าง  แถวนั้นจะมีหมาจรจัดอยู่ 2-3 ตัว แวะเวียนมาแถวๆโต๊ะลูกค้า บ้าง  ผมสังเกตว่า  สายตาของ หมาจรจัด  ถ้าเราลองจ้องที่ตาของสุนัขพวกนั้น มันบอกถึงความรู้สึกและอารมณ์ ของมันออกมาอย่างดี  บางตัวขี้เล่น  รู้วิธีอ้อนคน  อย่างตัวที่ชื่ิอโชกุน  ตัวนี้ออกเอาแต่ใจหน่อย เพราะมีแต่คนชอบเล่น   อีกตัว เป็นหมาเพศเมีย ชื่อ ฮ่องเต้  พันธ์อะไรไม่รู้เพราะดูมอมแมมไปหมด  ตัวนี้ดุ เข้าใก้ลแล้วจะกัด  ผมลองสังเกตสายตาตัวนี้ดู แววตาที่ออกเศร้าๆ  คงเพราะขาหลังทีพิการจากการที่โดนรถชน  เวลาที่ใช้ขาหลังเกาหู  มันจะร้องเหมือนบอกว่าเจ็บไปด้วย  อีกตัวหนึ่งตัวสีดำ ชื่อโด้ เป็นตัวเมียสีดำขี้อ้อน  มีลูกหลายตัวสีเหมือนแม่   โด้ ชอบมานั่งรออาหารจากคนใจดีบ่อยๆทุกๆวัน  แล้ววันหนึ่ง ผมก็ไม่เห็นมันมาอีกเลย   แม่ครัวที่ร้านบอกว่า คงโดนรถชน นอนเจ็บอยู่แถวป่าข้างถนน  มีลูกๆมันวิ่งอยู่รอบๆ  แม่ครัวคนนี้ใจดีมาก  ทุกครั้งงที่ร้านปิดแล้ว จะนำอาหารมาให้หมาจรจัด 3 ตัวนี้ทุกวัน  ถึงแม้ตัวไหนบาดเจ็บหรือไม่สบายก็จะตามเอาอาหารไปให้ถึงที่   เจ้าตัวตัวชื่อโด้ ตอนนี้ไม่รู้จะเป็นยังงัยบ้าง  เพราะหลังจากวันนั้น เมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ก่อน  ผมก็ไม่ได้ไปร้านนั้นอีก   หมาจรจัดพวกนี้  บางวันก็ไม่ได้กินอะไร  บางวันก็ได้กิน พออยู่พอกิน   แต่ก็เห็นเล่นกันอย่างสนุกสนาน  มีอิสระเสรี   ไปไหนก็ได้   คนแก่คนเฒ่าท่านจะบอกเสมอว่า หมา  ถ้าอยากรู้อารมณ์ความรู้สึกให้มองที่ตา  สายตาสื่อทุกอย่างออกมาให้เห็นเสมอ ...

Whai is it ??? ตัวอะไรฟะ

ช่วงนี้ ช่วงหน้าแมลง เลยเขียนแต่บทความเกี่ยวกับแมลง ตัวนี้ไปเจอที่วัด ชลประทาน หัวฝาย เชียงใหม่ มีลักษณะเป็นตัวสีแดง มีประมาณ 6 ขา มีหนวดมีปีก  กัดหรือเปล่า ไม่รู้  เพราะไม่เอามือไปจับมัน  ชื่อภาษาอังกฤษก็ไม่รู้ครับ ขนาดภาษาไทยยังไม่รู้จักเลย wiki ช่วยผมไม่ได้ซะละ   มีปีก แต่ไม่แน่ใจว่า บินได้ เพราะเห็นแต่เดินตามพื้น  ต้องสังเกตดีๆ  แมลงพวกนี้มักจะเดินอยู่เพียง 1-2-3 ตัว  ไม่ได้รวมกันเป็นกลุ่ม เหมือน มด

นี่เป็นลักษณะตัวที่เห็นครับ  มีสีแดงปนดำเล็กน้อย กล้องผมเป็นกล้องธรรมดาครับ zoom ได้แค่นี้

ใครรู้ว่า แมลงพวกนี้มีชื่อว่า อะไร มาตอบทีนะครับ เด็กๆจะได้รู้  มีแต่รูปแบบนี้ ไม่รู้จะถาม google ยังงัยดี พิมพ์ว่า แมลงสีแดง มีออกมาเต็มไปหมด 

ส่วนภาพข้างล่างนี้ แมงมัน เมื่อก่อนตอนเด็กๆเคยจับใส่ขวดเอาไปทอดอยู่ครับ ตอนนี้ จะย้ายค่ายไปกินผักละ แมงมัน หรือ subterranean ants คราวนี้มีข้อมูลนิดหน่อย แต่ดูเป็นภาษาท้องถิ่นเลย  ราชินี เรียก แม่เพ้อ

แมงมันการแบ่งวรรณะเป็น 6 วรรณะคือ

1. วรรณะราชินีที่เรียกว่าแมงมันแม่หรือแม่เพ้อ
2. วรรณะเจ้าหญิงทายาทที่เรียกว่าเต้งใหญ่
3. วรรณะสวามีที่เรียกว่าเต้งรอง
4. วรรณะมดงานเรียกว่าแย็บ
5. วรรณะทหารเรียกว่าแย็บใหญ่
6. วรรณะสร้างรังเรียกว่ามดแม่หมัน

มี ข้อมูลจาก wikipedia   มีเล็กน้อยครับ  เอามาให้ดู เผื่อใครจะตั้งชื่อลูก ชื่อ หลาน เป็นภาษาฝะหรั่ง แนะนำ ว่าควรแปลก่อน  มีคนรู้จักอยู่คน พ่อดูหนังมาก ตั้ง ชื่อลูกสาวว่า สเนล คงเพราะดีครับ  มารู้ตอนหลัง ว่าแปลว่า หอยทาก 

ภาพแมงมันพวกนี้ ถ่ายตอนไปงานนอกออฟฟิตที่วัด แถวเชียงใหม่ครับ 

หอยทากยามฝนพร่ำ

ฟังชื่อหัวข้อแล้ว หมายถึง ตัวหอยทากแถวสวน ชอบออกมาเดินเล่นตอนฝนตก ครับ นึกถึงหนังการ์ตูนเด็กๆ ชื่อ เทอร์โบ หอยทากไทย นี่เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง  ปัจจุบันมีหอยทาก มากกว่า 500 ชนิด  ข้อมูลจาก  th.wikipedia.org  เรื่อง หอยทากนี่ มีอยู่ 2 บรรทัด  น้อยมากครับ มีชื่อภาษาปะกิตว่า  Snail

เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ทำให้ผมแปลกใจว่า ถ้าโดนคนเหยียบแบบบังเอิญ กระดองแตก หอยทากพวกนี้จะตายไหม  หรือ คลานลงดินเพื่อรอกระดองใหม่  คือ ประเด็นว่า เดินไปๆมาๆ แถวสวนแล้วไปเหยียบใส่ แล้วต้องเขี่ยให้เข้าข้างทางไปกลัวมานตาย

                 หลายคนบอกว่า หอยทากพวกนี้กินผักในสวน และพืชผักที่ปลูก ก็เข้าใจครับ แต่ไม่อยากทำร้ายสิ่งมีชีวิต ผม ตอนนี้อายุ 40 แล้ว คาดการว่า ไม่น่าจะเกิน 60  เพราะนั่งเขียนโปรแกรมทุกวัน   เอาเลข 60-40 เท่ากับ 20 ปี  เวลานับถอยหลัง 20 ปี ก็ไม่อยากจะทำร้ายสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ อีกอย่าง วงจรชีวิตหอยทาก ก็ไม่ได้ยืนยาวนัก ปล่อยไปตามกฎของธรรมชาติของ เทอร์โบ ดีกว่า

กิ้งกือที่สวนหลังบ้าน

                 วันนี้กำลังปลูกผักที่สวนหลังบ้าน ซื้อ ต้นกล้า พริก มะเขือ มะนาว ต้นมะละกอ  ต้นกระเพรา  ต้นเชอรี่  และซื้อดินมาอีก 4 กระสอบเล็ก กะว่าจะทำพืชผักสวนครัวในวันหยุด ค่าต้นกล้าทั้งหลาย ตอนแรก นึกว่า ถูกๆไม่แพง เพราะเคยเห็นคุณพ่อปลูกอยู่บ่อยๆ
               
                 ตกลงไปซื้อมาหมดเพราะไม่เคยเก็บเมล็ดไว้เลย หมดไปเกือบ 2000  บาท จำได้ว่า ตอนไปซื้อ ร้านแรกที่เจอ ผมจะซื้อ ต้นพริก คนขายบอก 120 บาท เลยเดินหนีเลย เดินมาได้ 5 เมตร คนขายตะโกนบอกเหลือ 80 บาท เลยๆพอๆ ไปซื้อที่อื่นดีกว่า  ไปอีกที่ เจอถูกสุดในเมืองก็ประมาณต้นละ 50 บาท ขี้เกียจย้ายร้านละ   นึกถึงสมัยตอนเด็ก ที่ต้นผักพวกนี้อยู่เต็มสวน ไม่ว่าจะที่บ้านคุณยาย  บ้านคุณพ่อ  ประมาณว่า เอาแจกกันฟรีๆ เลย
             
                 เวลาก็ใก้ลค่ำมาทุกที เลยต้องรีบเตรียมดินและกะ  ระยะแถวที่จะปลูก  หลังจากนั้นก็เริ่มขุดหลุมปลูกผักสวนครัว ทุกๆต้นให้เสร็จ ภายในวันนี้ ตอนขุดนี่ลำบากครับ ปกติ ผมจะไม่ค่อยจะค่าสัตว์
อยู่แล้ว ต้องค่อยสังเกต ไส้เดือน  แมลง  มดต่างๆ เว้นที่ ให้มัน  ไม่อยากจะเบียดเบียนใคร

                 ขณะขุดหลุมปลูกมะละกอ เจอแมลง หรือ แมง อันนี้ ภาษาวิชาการเค้าเรียกเป็นแมลงหรือ แมง ผมไม่รู้นะ  ภาษากลางเค้าเรียก กิ้งกือตัวใหญ่มาก   มันวิ่งหนีตายจากจอบที่ขุดอยู่   เลยต้องหลีกให้คุณพี่หลายขาวิ่งผ่าน   แล้วไปหยิบกล้องมาถ่ายเก็บ   เอาไว้ให้เด็กๆดูเล่น

บังเอิญกดถ่ายผิดติดมาเป็นวีดีโอนิดหน่อยครับ

                           จากข้อมูลเว็บ wikipedia.org  บอกว่า กิ้งกือหรือสัตว์พันขา (millipedes)  เป็น สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง และคาดว่าน่าจะมีมากถึง 80,000 สปีชีส์ โดยมีประวัติยาวนานกว่า 400 ล้านปี  กิ้งกือ ที่ทำหน้าที่ย่อยสลายเศษซากพืช ใบไม้ ลูกไม้ ให้กลายเป็นแร่ธาตุอาหารกลับคืนสู่ธรรมชาติโดยมีจุลินทรีย์คอยช่วยเหลือ  ช่วยเพิ่มธาตุอาหารในดิน เช่นเดียวกับมูลของไส้เดือนและหอยทาก   นี่เป็นข้อมูลที่อ่านมาแบบคราวๆ ครับ  ตัวแบบนี้ บางทีเรียกว่า แมงแสนตีน   ผมก็ถึง บางออ ว่า เป็น แมง นี่เอง

                          ก็ปล่อยให้เค้าไปในที่ๆเค้าอยู่ครับ เก็บไว้แต่รูปและวีดีโอสั้นๆนิดหน่อย เห็นรูปร่างที่น่ากลัวแบบนี้ แต่มีประโยชน์กับระบบนเวศมากครับ
               

หมาวัดในวันนี้

หมาวัด

            หมาวัด คนไทยเราเข้าใจว่าอย่างไรกับคำนี้ หมาวัด อาจจะหมายถึง หมาที่ถูกทิ้ง หมาที่ถูกปล่อยวัด  หมาที่ใครไม่ต้องการ  ส่วนมากหมาวัดเป็นหมาพันธ์ไทยพื้นเมือง  แต่หลายครั้งที่เห็นหมาฝรั่งบ้างเหมือนกัน เช่น โกลเด้น  พิทบูล  หมาวัดจะอยู่รวมหลายตัว  อยู่ตามมีตามเกิด  พระท่านให้อาหารตามแต่ที่จะมีเหลือ   ได้กินบ้าง ไม่ได้กินบ้าง  แปลกใจที่มีแต่คนเรียกว่า หมาวัด  ไม่ค่อยมีใครเรียก สุนัขวัด  เหมือน สุนัขตำรวจ ก็ไม่ค่อยมีใครเรียกว่า หมาตำรวจ เหมือนกัน  แสดงว่า แม้แต่หมายังมีชั้น วรรณะ  แต่ว่า หมาวัดใช่ว่าจะไม่มีข้อดีเอาเสียเลย  การใช้ชีวิตที่อิสระ มีที่นอน อาหารให้กินเพียงเล็กน้อย  หมาวัดพวกนี้ก็อยู่ได้

การอยู่กันเป็นกลุ่ม  ทำให้ หมาวัด พวกนี้สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างดี  ไม่ค่อยมีการกัดกัน พอกลางคืนก็จะนอนรวมกันเป็นกลุ่ม  มีหยอกล้อ ดูแลกันบ้าง

                        เด็กรุ่นใหม่ อาจจะไม่ค่อยคุ้น ว่า หมาวัด คือ หมาอะไร แต่เข้าใจว่า หมาอยู่วัด หมาวัดพวกนี้ บางตัวถูกเจ้าของที่ไม่ต้องการเอาใส่กล่องลัง จำนวนหลายๆตัว เมื่อไม่ต้องการ ก็เอามาปล่อยที่วัด  บางที ไม่ได้มีแต่หมา แต่ มีแมว แพคกล่องเอามาปล่อยวัดด้วย  พฤติกรรมของคนพวกนี้ จะเนียน สังเกตเวลาคนไม่ค่อยมีที่วัดจะแอบเอากล่องใส่ลูกหมา ลูกแมว มาว่างไว้ในบริเวณวัด แล้ว ชิ่งหนีอย่างรวดเร็ว   มีตั้งแต่ มาด้วย มอเตอร์ไซด์  รถกะบะ  รถเก๋ง   นานๆที มีรถหรู เอาหมา เอาแมว มาปล่อยวัด 

หมาวัด พวกนี้ จะถูกทิ้งให้อยู่วัด ติดตามพระเวลาบิณฑบาต ทุกๆเช้า  ตอนกลางวันก็วิ่งเล่น หรือ นอน อยู่บริเวณวัด ไม่มีใครสนใจ  แต่ว่า หมาวัดทุกๆตัว มีชื่อ เรียกทุกตัว  แต่ละตัว จะจำชื่อของมันได้  ชื่อส่วนใหญ่ พระท่านตั้งให้ ตามลักษณะของ หมาวัดแต่ละตัว  สีออกทองๆ ก็เรียก ไอ้ทอง  สีดำ ก็เรียกไอ้ดำ   ถ้ามีสีดำหลายตัวก็จะเรียกแยกกันไป  บางที่ก็มีชื่อเป็น ฝรั่งบ้าง เหมือนกัน

ตัวไหน เวลาไม่สบาย ก็ดูแลกันตามมีตามเกิด  พระท่านก็จะใส่ยาให้บ้าง   คนที่มาวัดเอายามาใส่ให้บ้าง  ลุ้นเอา  ถ้าไม่ตาย ก็ได้ใส่ยา

หมาวัดพวกนี้ไปไหนไปเป็นกลุ่ม  คนไหนกินหมา แล้วเดินเข้าบริเวณวัด  ถ้ามันได้กลิ่น ก็ จะเข้ามาล้อมกันหลายตัว และเห่า ราวกับคนๆ นั้นเป็น คู่อริ 

หากถึงวันพระ หมาวัดพวกนี้ก็จะพากันหอนเป็นกลุ่มด้วยเหมือนกัน ราวกับว่า ทุกๆวันพระ มันเห็นอะไรบางอย่างในวัดที่ผิดปกติไปจากเดิม  เสียงหอนที่ยาวกว่าปกติ บวกกับการหอนพร้อมๆกันหลายๆตัว พาให้ขนลุก  ถ้าสังเกตให้ดี ทามกลางเสียงหอนของหมาวัดเหล่านั้น เหมือนจะมีเสียง อะไร บางอย่างแทรกอยู่ตรงกลาง ซึ่งไม่ใช่เสียงหมาด้วย  ท่านคิดว่า เสียงที่แทรกมาพร้อมเสียงหมาหอนเหล่านั้น คือ เสียงอะไร ?